รูปร่างคล้ายถั่ว ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของกระดูกซี่โครงทั้งซ้ายและขวา ไตแต่ละข้างมีขนาดเท่ากําปั้นผู้ใหญ่ ไตมีบทบาทสําคัญในการกรองเลือด ช่วยกําจัดของเสียและรักษาสมดุลของน้ำ เกลือ และแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ไต ยังควบคุมการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ผลิตวิตามินดี ซึ่งมีบทบาทสําคัญในการรักษาสุขภาพของกระดูก

โรคไตคือภาวะที่ไตเสียหายและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากความเสียหายเกิดขึ้นกะทันหันหรือเกิดขึ้นชั่วคราว จะเรียกว่า "โรคไตวายเฉียบพลัน" เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น จะเรียกว่า ‘โรคไตเรื้อรัง’ (chronic kidney disease, CKD) โรคไตอาจเกิดจากภาวะต่าง ๆ มากมาย รวมถึงโรคอ้วน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ที่อาศัยอยู่กับโรคอ้วนควรตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ เพื่อสามารถลดความเสี่ยงโรคไตได้

มีความเชื่อมโยงที่ที่ชัดเจนระหว่างโรคอ้วนและ CKD โรคอ้วนสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเกิดความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สําคัญในการเกิด CKD ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถทําลายหลอดเลือดในไตซึ่งส่งผลต่อการทํางานตามปกติของไต คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างความดันโลหิตสูงกับโรคอ้วน ในทำนองเดียวกัน ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจสร้างความเสียหายอย่างช้า ๆ ต่อไต และสามารถลดความสามารถในการกรองเลือด [6]คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโรคเบาหวานและโรคอ้วน

ไขมันส่วนเกินในร่างกายยังสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อไต แม้ในผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง โดยสามารถ กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงการอักเสบระยะยาวในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งอาจนําไปสู่การเกิดแผลเป็นในหน่วยกรองไต (glomeruli) ซึ่งเป็นหน่วยกรองขนาดเล็กในไต ทำให้การกรองเลือดมีประสิทธิภาพลดลง

โรคอ้วนยังสามารถนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือดที่สามารถเพิ่มความดันของไต ทําให้การสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือดดําทําได้ยากขึ้น

ในระยะเริ่มแรกของ CKD อาการแสดงเกิดขึ้นมักไม่จําเพาะและอาจเกิดจากภาวะอื่น ๆ โปรดปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้:

• อาการคลื่นไส้และอาเจียน
• เบื่ออาหาร
• เหนื่อยล้า
• ปัสสาวะบ่อยขึ้นหรือน้อยลง
• เท้าและข้อเท้าบวม
• ผิวแห้งคัน
• ความตื่นตัวทางจิตใจลดลง

หากคุณใช้ชีวิตร่วมกับโรคอ้วน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงสําหรับ CKD ปัจจุบัน CKD ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้รับการวินิจฉัยโดยการวัด BMI ผลการตรวจปัสสาวะและเลือด และการตรวจชื้นเนื้อไต คุณอาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง และความจำเป็นในการตรวจ

ข่าวดีก็คือคุณสามารถดูแลทั้งโรคอ้วนและ CKD ได้ โดยที่:

• เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของคุณให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการควบคุมน้ำหนัก เช่น เพิ่มกิจกรรมทางกาย ซึ่งสามารถลดการอักเสบและภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชันในผู้ป่วยที่เป็น CKD ระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ (เช่น กิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น) สามารถลดการอักเสบและภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชันในผู้ป่วยที่เป็น CKD ระดับปานกลางถึงรุนแรง
• ปฏิบัติตามคําแนะนําอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับขนาดยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาบรรเทาปวด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน และยาอะเซตามิโนเฟน การใช้ยาบรรเทาปวดมากเกินไปเป็นระยะเวลานานอาจทําให้เกิดความเสียหายต่อไตได้
•  ดูแลและจัดการภาวะอื่น ๆ ร่วมกับแพทย์ของคุณ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพไตของคุณ เช่น โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง

หากคุณหรือคนที่คุณรักอาศัยอยู่กับโรคอ้วนและมีข้อกังวลเกี่ยวกับโรคไต โปรดติดต่อบุคลากรทางการแพทย์เพื่อวางแผนดูแลสุขภาพ