Go to the page content

ผลลัพธ์ของคุณ:

ตารางจำแนกค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
BMI การจัดประเภท
ภายใต้ 18.5 น้ำหนักต่ำกว่าค่าที่กําหนด
18.5 - 24.9 น้ำหนักปกติ
25-29.9 น้ำหนักเกินกว่าปกติ
30-34.9 ภาวะอ้วนระดับที่ 1
35-39.9 ภาวะอ้วนระดับที่ 2
เกิน 40 ภาวะอ้วนระดับที่ 3

*เครื่องคํานวณ BMI นี้สําหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับ BMI ของคุณหากคุณอายุต่ำกว่า 20 ปีการจําแนกประเภท BMI จะขึ้นอยู่กับการจําแนกประเภท BMIของ WHO

สิ่งนี้มีความหมายต่อคุณอย่างไร

การมี BMI 30-34.9 ทําให้คุณอยู่ในหมวดหมู่โรคอ้วนระดับที่ 1 ซึ่งหมายความว่าคุณมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน การลดน้ำหนักจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนอย่างมีนัยสําคัญ อ่านเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพ 

มีตัวเลือกการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์สําหรับโรคอ้วนที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ตามความต้องการและสถานการณ์เฉพาะบุคคล ลองเรียนรู้เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง

BMI และอัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูงสามารถช่วยจัดการสุขภาพหัวใจได้อย่างไร

ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (cardiovascular disease, CVD) หรือที่รู้จักกันในชื่อโรคหัวใจ

แม้ว่าทั้ง BMI และอัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูง (Waist to Height Ratio, WtHR) สามารถนํามาใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงของบุคคลในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ WtHR ถือว่าเป็นตัวพยากรณ์ที่น่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับการประเมินปัจจัยเสี่ยงด้านระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง 

BMI ใช้เพื่อระบุประเภทน้ำหนักของบุคคลตามส่วนสูงและน้ำหนัก ในทางกลับกัน WtHR จะใช้เพื่อวัดการกระจายตัวของไขมันในร่างกายของบุคคล โดยพิจารณาจากส่วนสูงและเส้นรอบเอว การวัด WtHR มีความสําคัญ เนื่องจากระดับไขมันที่มากเกินซึ่งเก็บไว้รอบท้องนั้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดโรคหัวใจ

การทราบทั้งค่า BMI และ WtHR ของคุณสามารถช่วยคุณปรับปรุงสุขภาพหัวใจได้โดยการทําความเข้าใจว่าควรมีการดําเนินการเพื่อควบคุมน้ำหนักของคุณหรือไม่

คลิกที่นี่เพื่อคํานวณอัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูงของคุณและสิ่งนี้มีความหมายต่อคุณอย่างไร

ค้นหาผู้ให้บริการจัดการน้ำหนักในท้องถิ่นของคุณ

พูดคุยกับผู้ให้บริการปรึกษาการจัดการน้ำหนักของคุณเกี่ยวกับตัวเลือกการรักษาที่อาจทําให้น้ำหนักที่คุณลดไม่กลับมาอีก

การรักษา

ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถให้คําแนะนําได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะ สถานะทางสุขภาพในปัจจุบัน และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก

การรักษารวมถึง:

  • การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  • เพิ่มกิจกรรมที่ขยับร่างกาย
  • การบําบัดรักษาด้วยพฤติกรรม
  • อาหารทดแทน / อาหารพลังงานต่ำ
  • ยาลดน้ำหนัก
  • การผ่าตัดลดความอ้วน*

เคล็ดลับและคําแนะนําสําหรับคุณ

ขอแนะนําให้มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพสําหรับทุกคน อย่างไรก็ตาม หาก BMI ของคุณแสดงให้เห็นว่าคุณมีน้ำหนักเกินหรือมีภาวะอ้วน ณ จุดใด ๆ ก็อาจถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คุณสามารถมีน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น หลายสิ่งสามารถส่งผลต่อน้ำหนักของคุณ ดังนั้นคุณสามารถพยายามจัดการได้หลายวิธีเช่นกัน กดที่รายการด้านล่างเพื่อดูว่าคุณสามารถทําอะไรได้บ้างเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

สุขภาพหัวใจ

โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสําหรับภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างของหัวใจ ได้แก่:

  • โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • ภาวะไขมันในเลือดสูง
  • หัวใจวาย
  • หัวใจทำงานล้มเหลว

ข่าวดีก็คือความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้สามารถลดได้ด้วยการจัดการน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ

ทําตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อลดน้ำหนัก ด้วยการสนับสนุนของคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น

โภชนาการ

ไม่มีอาหารใดที่สมบูรณ์แบบสําหรับการลดน้ำหนัก แต่มีวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยให้คุณจัดการน้ำหนักและป้องกันไม่ให้น้ำหนักกลับมา มุ่งเน้นไปที่วิธีการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น (เช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน อาหารที่มีเส้นใยสูง และอาหารมังสวิรัติ) แทนที่จะพยายามจํากัดปริมาณการรับประทานอาหารของคุณ

สุขภาพจิต

มีหลายเหตุผลที่ทำให้น้ำหนักเราเพิ่ม และบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ต้องจัดการกับความรู้สึกของเรา บางคนใช้อาหารเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลําบากและใช้เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกของตน สิ่งนี้เรียกว่าการรับประทานตามอารมณ์ – และเป็นสาเหตุที่บางครั้งเราจึงต้องการการสนับสนุนทางจิตวิทยาแทนคําแนะนําเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ทําความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของความรู้สึกและความเครียดที่มีต่อการจัดการน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น

กิจกรรม

การออกกําลังกายเป็นประจําเป็นสิ่งสําคัญมากสําหรับการลดและจัดการน้ำหนักของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมการลดน้ำหนักจากโรคอ้วนของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้พิจารณาเพิ่มการออกกําลังกายแบบแอโรบิกและแบบใช้แรงต้านเข้าไปในกิจวัตรของคุณ คุณควรเคลื่อนไหวโดยทั่วไปให้มากขึ้น

ค้นหาเคล็ดลับสําหรับการเริ่มต้นที่ดีในโปรแกรมการออกกําลังกายใหม่ได้ที่นี่

การนอนหลับ

การนอนหลับน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อฮอร์โมนของคุณ ซึ่งส่งผลต่อวิธีการและสิ่งที่คุณรับประทาน เมื่อคุณนอนหลับได้ดีขึ้น คุณจะสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและต่อต้านต่ออาหารล่อใจ ค้นหาเคล็ดลับเพื่อปรับปรุงนิสัยและการนอนหลับ ซึ่งร่างกายและจิตใจของคุณต้องการ

ความเสี่ยงด้านสุขภาพโรคอ้วนของคุณ

การใช้ชีวิตร่วมกับภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการเสียชีวิต และโรคภัย หรือภาวะอื่น ๆ โดยทั่วไปยิ่ง BMI ของคุณสูงเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นในการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนเรื้อรังอื่น ๆ ดูประโยชน์ต่อสุขภาพจากการลดน้ำหนัก

คําถามที่พบบ่อย

BMI เป็นการวัดเดียวที่ต้องพิจารณาสําหรับสุขภาพหัวใจใช่หรือไม่

BMI ใช้เพื่อประเมินว่าคนมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนหรือไม่ ในขณะที่เชื่อมโยงกับสุขภาพหัวใจว่าภาวะเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงไปสู่การเกิดโรคหัวใจ อัตราส่วนเอวต่อความสูง (Waist to Height Ratio, WtHR) ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้นสำหรับความเสี่ยงในการเกิดปัจจัยเสี่ยงต่อหัวใจและหลอดเลือด การเฝ้าติดตาม BMI, WtHR และปัจจัยด้านรูปแบบการดําเนินชีวิตต่าง ๆ เช่น ความเครียดและการนอนหลับ ล้วนมีส่วนช่วยในการประเมินสุขภาพหัวใจอย่างครอบคลุม

เพื่อค้นหาว่า WtHR ของคุณอยู่ในระดับที่ดีหรือไม่ คลิกที่นี่

เหตุใด BMI จึงมีความสําคัญที่ต้องทราบ

BMI เป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบความเสี่ยงของคุณต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับไขมันในร่างกาย (ความอ้วน) โดยทั่วไปแล้วหาก BMI ของคุณยิ่งสูง โอกาสในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนเรื้อรังอื่น ๆ ก็จะยิ่งมากขึ้น รวมถึง:

  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • ความดันโลหิตสูง
  • ภาวะมีบุตรยาก
  • ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
  • โรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ภาวะไขมันผิดปกติ
  • ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic fatty liver disease, NAFLD)/โรคไขมันคั่งตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic steatohepatitis, NASH)
  • ภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease, GERD)
  • กลุ่มอาการเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ (Metabolic syndrome, MetS)
  • ภาวะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และหายใจลําบาก
  • โรคไตเรื้อรัง
  • โรคมะเร็งหลายชนิด: รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงแค่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลําไส้ใหญ่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งไต มะเร็งรังไข่ และมะเร็งตับอ่อน
  • ภาวะข้อเข่าเสื่อม
  • โรคนิ่ว
  • การเกิดลิ่มเลือด
  • เก๊าต์
  • ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่มี BMI ที่ดี

สอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของคุณ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโรคเหล่านี้และความสัมพันธ์กับ BMI ของคุณ

BMI มีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่

BMI เป็นการวัดที่เรียบง่ายและจับต้องได้ แต่อาจทําให้เข้าใจผิดได้ในบางกรณีและสําหรับบางกลุ่ม การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า BMI มีความแม่นยําน้อยกว่าในการทํานายความเสี่ยงของโรค ในกลุ่มผู้สูงวัย นักกีฬา ผู้ที่มีความสูงหรือเตี้ยมาก และผู้ที่ร่างกายมีกล้ามเนื้อมาก ตัวอย่างเช่น นักกีฬาหรือนักเพาะกายชั้นยอดจะมีกล้ามเนื้อมากและมีน้ำหนักมาก ซึ่งทําให้ BMI สูงขึ้น

นอกจากนี้ BMI ยังไม่ได้พิจารณาถึง:

ปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน เช่น กลุ่มอาการระบบเผาผลาญ

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและรูปแบบการดําเนินชีวิตที่อาจนําไปสู่ความเสี่ยงของคุณในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ

การกระจายไขมันในร่างกายของแต่ละบุคคล

สิ่งสําคัญคือต้องจําไว้ว่าการใช้ชีวิตกับโรคอ้วนไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสุขภาพไม่ดีเสมอไป แค่มีน้ำหนัก ‘ปกติ’ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสุขภาพดี BMI ของคุณไม่ได้กําหนดคุณ แต่การรู้และเข้าใจ BMI ของคุณสามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสําหรับการดูแลสุขภาพของคุณเอง

แหล่งอ้างอิง
  1. Lopez-Jimenez F, Almahmeed W, Bays H, et al. Obesity and cardiovascular disease: mechanistic insights and management strategies. A joint position paper by the World Heart Federation and World Obesity Federation. Eur J Prev Cardiol. 2022 Dec 7;29(17):2218-2237. doi: 10.1093/eurjpc/zwac187. PMID: 36007112.
  2. Zhang, S., Fu, X., Du, Z. et al. Is waist-to-height ratio the best predictive indicator of cardiovascular disease incidence in hypertensive adults? A cohort study. BMC Cardiovasc Disord 22, 214 (2022). https://doi.org/10.1186/s12872-022-02646-1
  3. Akil L, Ahmad HA. 2011. Relationships between Obesity and Cardiovascular Diseases in Four Southern States and Colorado. J Health Care Poor Underserved; 22(4 Suppl):  61–72. doi: 10.1353/hpuvv.2011.0166. ข้อมูลจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3250069/
  4. Garvey WT et al. American Association of Clinical En docrinologists and American College of Endocrinology  Comprehensive Clinical Practice Guidelines for Medical  Care of Patients with Obesity. Endocr Pract. 2016 Jul;22  Suppl 3:1-203.
  5. Khan SS, Ning H, Wilkins JT, Allen N, Carnethon M, Berry JD, Sweis RN, Lloyd-Jones DM. Association of Body Mass Index With Lifetime Risk of Cardiovascular Disease and Compression of Morbidity. JAMA Cardiol. 2018 Apr 1;3(4):280-287. doi: 10.1001/jamacardio.2018.0022. PMID: 29490333; PMCID: PMC5875319.
  6. Rueda-Clausen, C F et al, “Assessment of People Living with Obesity,” Can. Adult Obes. Clin. Pract. Guidel., pp. 1–17, 2020, [Online]. ข้อมูลจาก: http://obesitycanada.ca/wp-content/uploads/2020/09/6-Obesity-Assessment-v5-with-links.pdf.
  7. Yumuk, V et al, “European Guidelines for Obesity Management in Adults” Obes Facts. 2015 Dec; 8(6): 402–424. Published online 2015 Dec 5. doi: 10.1159/000442721.
  8. Garvey, W T et al, “American Association of Clinical Endocrinologists and American College of Endocrinology comprehensive clinical practice guidelines for medical care of patients with obesity.” Endocrine Practice 2016;22:1–203. DOI:https://doi.org/10.4158/EP161365.GL
  9. Guh, D P et al, “The incidence of co-morbidities related to obesity and overweight: A systematic review and meta-analysis,” BMC Public Health, vol. 9, no. 1, p. 88, 2009, doi: 10.1186/1471-2458-9-88.
  10. Prospective Studies Collaboration, “Body-mass index and cause-specific mortality in 900000 adults: collaborative analyses of 57 prospective studies,” Lancet, vol. 373, no. 9669, pp. 1083–1096, Mar. 2009, doi: 10.1016/S0140-6736(09)60318-4.
  11. “Obesity Screening – Medline Plus, U.S. National Library of Medicine” Available: https://medlineplus.gov/lab-tests/obesity-screening/.
  12. “Assessing Your Weight and Health Risk – National Heart, Lung, and Blood Association – U.S. Department of Health & Human Services” Available: https://www.nhlbi.nih.gov/health/educational/lose_wt/risk.htm.
  13. Hussain, A et al, “Type 2 Diabetes and obesity: A review” Journal of Diabetology, June 2010; 2:1.
  14. Katzmarzyk, P T et al, “Body mass index and risk of cardiovascular disease, cancer and all-cause mortality” Can. J. Public Health, vol. 103, no. 2, pp. 147–151, 2012, doi: 10.1007/BF03404221.
  15. Kurth, T et al, “Prospective Study of Body Mass Index and Risk of Stroke in Apparently Healthy Women,” Circulation, vol. 111, no. 15, pp. 1992–1998, Apr. 2005, doi: 10.1161/01.CIR.0000161822.83163.B6.
  16. Landi, F et al, “Body Mass Index is Strongly Associated with Hypertension: Results from the Longevity Check-Up 7+ Study” Nutrients. 2018 Dec; 10(12): 1976. Published online 2018 Dec 13. doi: 10.3390/nu10121976.
  17. Dağ, Z Ö et al, “Impact of obesity on infertility in women,” J. Turkish Ger. Gynecol. Assoc., vol. 16, no. 2, pp. 111–117, Jun. 2015, doi: 10.5152/jtgga.2015.15232.
  18. Moussa, O M et al, “Effect of body mass index on depression in a UK cohort of 363037 obese patients: A longitudinal analysis of transition,” Clin. Obes., vol. 9, no. 3, p. e12305, Jun. 2019, doi: https://doi.org/10.1111/cob.12305.
  19. Zhao, G et al, “Depression and anxiety among US adults: associations with body mass index,” Int. J. Obes., vol. 33, no. 2, pp. 257–266, 2009, doi: 10.1038/ijo.2008.268.
  20. Lamon-Fava, S et al, “Impact of Body Mass Index on Coronary Heart Disease Risk Factors in Men and Women,” Arterioscler. Thromb. Vasc. Biol., vol. 16, no. 12, pp. 1509–1515, Dec. 1996, doi: 10.1161/01.ATV.16.12.1509.
  21. Van Hemelrijck, M et al, “Longitudinal study of body mass index, dyslipidemia, hyperglycemia, and hypertension in 60,000 men and women in Sweden and Austria” Published: June 13, 2018https://doi.org/10.1371/journal.pone.0197830.
  22. Loomis, A K et al, “Body Mass Index and Risk of Nonalcoholic Fatty Liver Disease: Two Electronic Health Record Prospective Studies,” J. Clin. Endocrinol. Metab., vol. 101, no. 3, pp. 945–952, Mar. 2016, doi: 10.1210/jc.2015-3444.
  23. Zafar, S et al, “Correlation of gastroesophageal reflux disease symptoms with body mass index,” Saudi J. Gastroenterol., vol. 14, no. 2, pp. 53–57, Apr. 2008, doi: 10.4103/1319-3767.39618.
  24. Han, T S et al, “A clinical perspective of obesity, metabolic syndrome and cardiovascular disease,” JRSM Cardiovasc. Dis., vol. 5, pp. 2048004016633371–2048004016633371, Feb. 2016, doi: 10.1177/2048004016633371.
  25. Health risks of obesity – Medline Plus, U.S: National Library of Medicine.” ข้อมูลจาก: https://medlineplus.gov/ency/patientinstructions/000348.htm
  26. Canadian Adult Obesity Clinical Practice Guidelines. ข้อมูล:  https://obesitycanada.ca/guidelines/ 

TH25OB00076

สิ่งนี้มีประโยชน์สําหรับคุณหรือไม่

คุณอาจจะชอบ